Fluke: Chance - การเติบโตส่วนบุคคลผ่านความโกลาหลที่คาดไม่ถึง

Fluke: Chance - เมื่อความโกลาหลนำพาคุณไปสู่การเติบโต (อย่างไม่เต็มใจนัก)

บทนำ: ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ… แต่มันอาจจะโรยด้วยเศษแก้วก็ได้ ใครจะรู้?

เอาล่ะ มาเผชิญหน้ากันหน่อย ใครๆ ก็อยากมีชีวิตที่ราบรื่น ไร้ซึ่งอุปสรรค ใช่ไหมล่ะ? ฝันไปเถอะ! ชีวิตจริงมันเหมือนกับการพยายามกินปลาแซลมอนดิบตอนเมาค้าง คือมันอาจจะไปถึงเป้าหมายได้ แต่วิธีการมันจะเละเทะ ชวนอ้วกแตกแค่ไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าคุณกำลังหาหนังสือที่จะมาบอกว่า “เฮ้ ความโกลาหลนี่แหละ คือครูที่ดีที่สุด” ล่ะก็ หนังสือ "Fluke: Chance" อาจจะเป็นคู่มือ (ที่คนเขียนคงเหนื่อยหน่ายไม่แพ้คุณ) ที่จะพาคุณไปพบกับความจริงข้อนี้ ว่าไอ้เรื่องที่เคยคิดว่ามันซวยเปียกปอนเนี่ย มันอาจจะเป็นโอกาสทองที่ซ่อนรูปก็ได้ ถ้าคุณมีสมองพอที่จะมองเห็นมันน่ะนะ ไม่ใช่ยืนบ่นด่าฟ้าด่าฝนอยู่กลางสายฝนปรอยๆ เป็นตุ๊กตาไล่ฝนไปวันๆ เข้าใจไหม?


The Fluke Factor: โอกาสที่มาพร้อมกับความซวยแบบไม่บอกกล่าว

Fluke Factor: ความบังเอิญที่พลิกชีวิต (ถ้าคุณไม่ดันทุรังจะขัดขืน)

ไหนลองนึกดูสิว่าชีวิตคุณเคยมีโมเมนต์ที่แบบ "เห้ย นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!" ไหม? อาจจะตื่นสายจนไปทำงานไม่ทัน เลยต้องโบกรถเมล์สายที่ไม่เคยนั่ง แล้วดันเจอเนื้อคู่ที่นั่น หรืออาจจะกดสั่งกาแฟผิดเมนู ได้กาแฟรสชาติประหลาดๆ มา แต่ดันทำให้คุณตาสว่าง คิดไอเดียธุรกิจใหม่ได้เฉยเลย นี่แหละครับ "Fluke Factor" หรือไอ้ความบังเอิญที่ดูเหมือนจะซวย แต่จริงๆ แล้วมันคือ "Chance" หรือโอกาสชั้นดีที่ธรรมชาติส่งมาให้ ถ้าคุณมีสายตาแหลมคมพอที่จะมองเห็นมัน ไม่ใช่เอาแต่มองเห็นแต่ความซวย จนตาบอดไปซะก่อน หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปสำรวจแนวคิดนี้ ว่าทำไมเราถึงมักมองข้ามโอกาสที่ซ่อนอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เพราะเรามัวแต่ยึดติดกับแผนการที่วางไว้ราวกับว่ามันจะสมบูรณ์แบบตลอดไป ซึ่งเอาเข้าจริง มันก็ไม่เคยเป็นแบบนั้นหรอก ใช่ไหมล่ะ?


ยอมรับความไม่แน่นอน: กอดความโกลาหลไว้ซะ!

โลกเรามันก็เป็นแบบนี้แหละครับ คาดเดาไม่ได้ ไม่เป็นระเบียบ ไม่ได้วางแผนมาให้เราอย่างดี แต่คนส่วนใหญ่มักจะดิ้นรนพยายามควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนพยายามจับผีเสื้อด้วยมือเปล่า สุดท้ายก็ได้แต่เศษปีกติดมือมา นั่งเสียใจอยู่คนเดียว หนังสือ "Fluke: Chance" ชวนให้คุณลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ ยอมรับว่าความไม่แน่นอนคือส่วนหนึ่งของชีวิต การพยายามต่อต้านมันก็เหมือนกับการพยายามว่ายทวนกระแสน้ำเชี่ยวๆ มันเหนื่อยเปล่าๆ แต่ถ้าคุณลองปล่อยตัวไปตามน้ำ (โดยที่ยังคงมีสติและทักษะการว่ายน้ำติดตัวอยู่นะ) คุณอาจจะค้นพบหาดทรายสวยๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่ก็ได้ ลองเปิดใจยอมรับว่าบางครั้งสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ อาจจะเป็นสิ่งที่จะพาเราไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดก็ได้ ใครจะรู้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าคุณยังเอาแต่หงุดหงิดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ คุณก็จะได้แต่ความหงุดหงิดกลับมาเท่านั้นแหละ เข้าใจนะ?


จากความโกลาหลสู่การเติบโต: เมื่อวิกฤตคือโอกาสที่ซ่อนอยู่

คุณอาจจะกำลังเจอเรื่องวุ่นวาย โกลาหล สับสนอลหม่านในชีวิตตอนนี้ใช่ไหมล่ะ? อาจจะโดนเลิกจ้างกะทันหัน ความสัมพันธ์มีปัญหา หรือโปรเจกต์ที่ทุ่มเทมาทั้งชีวิตดันพังไม่เป็นท่า ฟังดูเหมือนเรื่องร้าย แต่จริงๆ แล้ว นี่แหละคือสนามฝึกชั้นดีที่หนังสือ "Fluke: Chance" อยากจะนำเสนอ มันคือโอกาสให้คุณได้ลองผิดลองถูก เรียนรู้จากความผิดพลาด และค้นพบศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวเองที่อาจจะไม่มีวันได้แสดงออกมา ถ้าทุกอย่างมันราบรื่นเกินไป ลองมองว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนกับ "บททดสอบ" ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่เพื่อทำลายคุณ ถ้าคุณผ่านมันไปได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม คุณจะพบว่าตัวเองได้เติบโตขึ้นอย่างแน่นอน เหมือนต้นไม้ที่ต้องผ่านพายุฝนและแสงแดดที่ร้อนระอุ เพื่อที่จะหยั่งรากได้ลึกและแข็งแกร่งขึ้น


สร้างกรอบความคิดที่เปิดรับ: มองหา "Fluke" ในทุกสถานการณ์

การจะมีกรอบความคิดที่เปิดรับ หรือ "Growth Mindset" ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การพูดว่า "ฉันจะเรียนรู้" แล้วก็จบๆ ไป แต่มันคือการฝึกฝนตัวเองให้มองหาสิ่งที่จะเรียนรู้ได้จากทุกสถานการณ์ แม้แต่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็ตาม หนังสือเล่มนี้จะช่วยแนะนำคุณในการปรับเปลี่ยนมุมมอง ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า "จากสถานการณ์นี้ ฉันจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง?" หรือ "มีโอกาสอะไรที่ซ่อนอยู่ในความวุ่นวายนี้?" แทนที่จะจมปลักอยู่กับคำถามว่า "ทำไมต้องเป็นฉัน?" หรือ "เมื่อไหร่เรื่องร้ายๆ นี้จะจบเสียที?" การเปลี่ยนคำถามเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละ คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เพราะมันจะเปลี่ยนโฟกัสของคุณจากปัญหา ไปสู่การค้นหาทางออกและโอกาส


เปลี่ยนความโกลาหลให้เป็นโอกาส: How-to แบบไม่หมู

ขั้นตอนที่ 1: หยุดโวยวาย แล้วหายใจลึกๆ (หรือจะให้ดีก็ไปหาอะไรกินก่อน)

โอเค ยอมรับว่ามันยาก แต่ข้อแรกที่ต้องทำคือ หยุดการแสดงอารมณ์ฟูมฟายลงก่อน คุณอาจจะอยากปาข้าวของ อยากตะโกนใส่หน้าใครสักคน หรืออยากจะร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กสามขวบที่ไม่ได้ของเล่น แต่เชื่อเถอะว่านั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจากจะทำให้คุณดูแย่ลงไปอีก สิ่งที่ต้องทำคือ หายใจลึกๆ ให้มีสติกลับมา (ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ไปหาอะไรอร่อยๆ กินก่อน หรือไปออกกำลังกายให้มันเหนื่อยๆ ไปเลยก็ได้) การมีสติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการจะมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในความโกลาหล เพราะเวลาที่เราสติแตก เราจะมองเห็นแต่ปัญหา ไม่ใช่ทางออก


ขั้นตอนที่ 2: วิเคราะห์สถานการณ์แบบไม่ใช้อารมณ์ (ยากหน่อยนะ แต่ต้องทำ)

เมื่อคุณเริ่มมีสติแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะมานั่งพิจารณาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นเหตุเป็นผล ลองลิสต์ออกมาเลยว่าอะไรคือปัญหาที่แท้จริง อะไรคือผลกระทบที่เกิดขึ้น อะไรคือสิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้ และอะไรคือสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้ (ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้นั่นแหละ) การวิเคราะห์อย่างเป็นระบบแบบนี้ จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของปัญหาได้ชัดเจนขึ้น และอาจจะมองเห็นช่องโหว่ หรือจุดที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ที่กำลังหัวเสีย จะไม่สามารถทำได้


ขั้นตอนที่ 3: ระดมสมองหาทางเลือก (แบบไม่ต้องกลัวดูโง่)

เมื่อคุณรู้แล้วว่าปัญหาคืออะไร และอะไรที่คุณควบคุมได้ ก็ถึงเวลาที่จะหาทางแก้ไข ลองระดมสมองคิดหาทางเลือกที่เป็นไปได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่ามันจะดูบ้าบอคอแตกแค่ไหนก็ตามในตอนแรก อย่าเพิ่งตัดสินว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดี แค่เขียนมันออกมาให้หมด อาจจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อน หรือคนรอบข้างที่คุณไว้ใจก็ได้ เพราะบางที มุมมองจากคนนอก อาจจะช่วยให้คุณเห็นทางออกที่คุณมองข้ามไปก็ได้ ใครจะรู้ แต่ที่แน่ๆ คือ ยิ่งคุณมีทางเลือกมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเจอทางออกที่ดีที่สุด ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นแหละ เข้าใจตรงกันนะ?


ขั้นตอนที่ 4: ลงมือทำ (แบบใจถึงพึ่งได้)

ถึงเวลาลงมือปฏิบัติการแล้วครับ! เมื่อคุณเลือกทางเลือกที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว ก็อย่ามัวแต่ลังเล รีรอ หรือกลัวความผิดพลาด เพราะการไม่ทำอะไรเลย คือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดแล้ว จงกล้าที่จะก้าวออกไป และลงมือทำตามแผนที่วางไว้ อาจจะมีอุปสรรค หรือความผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างทางบ้างเป็นธรรมดา แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้และการเติบโต อย่าลืมว่าหนังสือเล่มนี้กำลังพูดถึงการเติบโตจากความโกลาหล ไม่ใช่การมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เพราะฉะนั้น จงภูมิใจในทุกย่างก้าวที่คุณได้ก้าวออกไป


ขั้นตอนที่ 5: ทบทวนและปรับปรุง (อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง)

เมื่อคุณได้ลงมือทำไปแล้ว ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว สิ่งสำคัญที่สุดคือการกลับมาทบทวนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ลองวิเคราะห์ดูว่าอะไรได้ผลดี อะไรไม่ได้ผล และทำไมถึงเป็นเช่นนั้น การเรียนรู้จากประสบการณ์เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด เพราะมันจะช่วยให้คุณพัฒนาและปรับปรุงแผนการ หรือวิธีการของคุณให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จงมองว่าทุกการกระทำคือการเรียนรู้ และทุกความผิดพลาดคือบทเรียนราคาแพงที่จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น จงทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะพบว่า ความโกลาหลที่เคยกลัวนักกลัวหนา มันจะกลายเป็นสนามเด็กเล่นที่ทำให้คุณได้ฝึกฝนและเติบโตอย่างไม่รู้จบ


ปัญหาและการแก้ปัญหาที่พบบ่อย: ทำไมฉันถึงยังซวยอยู่!

ปัญหา: กลัวความล้มเหลวเลยไม่กล้าทำอะไรเลย

นี่เป็นปัญหาคลาสสิกที่คนส่วนใหญ่เจอ พอเจอความโกลาหลก็กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาดไปใหญ่กว่าเดิม เลยเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย ซึ่งอันที่จริง การไม่ทำอะไรเลย คือการยอมรับความพ่ายแพ้ที่แย่ที่สุดแล้วครับ

แก้ปัญหา: มองความล้มเหลวเป็นแค่ "ข้อมูล" ไม่ใช่ "คำตัดสิน"

ลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือ "ข้อมูล" ที่บอกคุณว่าอะไรควรปรับปรุง ถ้าคุณกลัวความล้มเหลวมากเกินไป คุณก็จะติดอยู่ในวังวนเดิมๆ ไม่มีการเติบโตใดๆ เกิดขึ้นเลย


3 สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะทำให้คุณไม่รู้สึกเบื่อ

"Serendipity" ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เราสร้างมันได้

ความบังเอิญดีๆ หรือ Serendipity ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นลอยๆ แต่เกิดจากการที่เราเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอสิ่งใหม่ๆ และพร้อมที่จะคว้ามันไว้


ความยืดหยุ่น (Resilience) คือ "กล้ามเนื้อ" ที่ต้องฝึก

การฟื้นตัวจากความยากลำบาก ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ ยิ่งเจอเรื่องหนักๆ แล้วผ่านไปได้ คุณก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น


การตั้งคำถามที่ถูกต้อง นำไปสู่คำตอบที่ดีกว่า

ลองเปลี่ยนจากคำถามเชิงลบ มาเป็นคำถามเชิงบวกหรือเชิงสร้างสรรค์ แล้วคุณจะพบว่าโลกทั้งใบเปลี่ยนไป


คำถามที่พบบ่อย (FAQ): ตอบให้แล้วนะ จะได้เลิกถามเซ้าซี้เสียที

คำถาม: หนังสือ Fluke: Chance เหมาะกับใครบ้าง?

อืม… ก็คงเหมาะกับทุกคนนั่นแหละ โดยเฉพาะพวกที่ชอบบ่นว่าชีวิตไม่เป็นไปตามที่หวัง หรือรู้สึกว่าตัวเองซวยตลอดเวลา ถ้าคุณเป็นพวกที่ชอบวางแผนเป๊ะๆ แล้วผิดหวังเมื่อแผนไม่เป็นจริง หนังสือเล่มนี้อาจจะช่วยให้คุณเลิกหมกมุ่นกับความสมบูรณ์แบบ และเปิดใจรับความไม่แน่นอนได้มากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนประเภทที่ชอบมองหาโอกาสในทุกสถานการณ์อยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้ก็อาจจะเป็นเหมือนเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของคุณก็ได้ เอาเป็นว่า ถ้าคุณอยากลองเปลี่ยนมุมมองชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ (แบบที่อาจจะต้องขอบคุณความโกลาหลด้วย) ก็ลองอ่านดูสิ จะได้รู้ว่าชีวิตมันมีอะไรมากกว่าที่คิด


คำถาม: ถ้าฉันไม่ชอบความโกลาหลเลย จะอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วได้อะไร?

อ้าว แล้วจะอ่านทำไมล่ะเนี่ย? แต่ถ้าให้ตอบแบบมีสาระหน่อยนะ แม้ว่าคุณจะไม่ชอบความโกลาหล แต่หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องเผชิญกับมัน และที่สำคัญคือ มันจะสอนวิธีรับมือกับมันต่างหาก ไม่ใช่การไปรักมันหรอกนะ แต่เป็นการเรียนรู้วิธีที่จะอยู่กับมันให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่างหาก ถ้าคุณเข้าใจหลักการนี้ คุณจะสามารถลดความเครียดและความกังวลที่เกิดจากความไม่แน่นอนได้มากขึ้น และอาจจะค้นพบว่า การยอมรับในสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้ อาจจะทำให้ชีวิตคุณสงบสุขขึ้นก็ได้นะ ลองดูสิ ไม่เสียหายอะไรนี่นา นอกจากเวลาที่เสียไปนิดหน่อย…


คำถาม: มีตัวอย่างของ "Fluke" ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตไหม?

มีเยอะแยะไปหมดเลยครับ! อย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์บางคนค้นพบยาปฏิชีวนะจากการที่เชื้อราปนเปื้อนในจานเพาะเชื้อโดยบังเอิญ หรือนักดนตรีบางคนได้ไอเดียเพลงจากการได้ยินเสียงแปลกๆ ระหว่างเดินทาง หรือแม้กระทั่งการที่คุณบังเอิญเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน แล้วกลายเป็นคนที่ช่วยคุณในเรื่องสำคัญมากๆ ในภายหลัง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอในชีวิตประจำวัน เพียงแต่เราต้องมี "ตา" ที่จะมองเห็นมัน และมี "ใจ" ที่จะเปิดรับมัน เรื่องราวเหล่านี้ถูกถ่ายทอดไว้ในหนังสือหลายเล่ม รวมถึงแนวคิดที่คล้ายคลึงกันในหนังสือ "Fluke: Chance" นี่แหละ ลองไปหาอ่านดูสิ จะได้ไม่หาว่าไม่บอก


คำถาม: หนังสือเล่มนี้มีเทคนิคการจัดการความเครียดจากความโกลาหลด้วยไหม?

แน่นอนครับ! นอกจากจะสอนให้มองเห็นโอกาสแล้ว หนังสือ "Fluke: Chance" ยังแทรกเทคนิคการจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน หรือความโกลาหลต่างๆ เอาไว้ด้วยนะ ไม่ใช่แค่การบอกว่า "ใจเย็นๆ" แต่มันจะลงลึกไปถึงการปรับเปลี่ยนกรอบความคิด การฝึกสติ และการมองหาแง่มุมเชิงบวกในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะแย่ที่สุด การเรียนรู้วิธีเหล่านี้ จะช่วยให้คุณไม่จมปลักอยู่กับความเครียด และสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้โดยไม่เสียสุขภาพจิตไปซะก่อน


คำถาม: แล้วหนังสือเล่มนี้ต่างจากหนังสือพัฒนาตนเองทั่วไปอย่างไร?

ต่างสิครับ! หนังสือพัฒนาตนเองส่วนใหญ่ มักจะเน้นที่การวางแผนที่สมบูรณ์แบบ การสร้างวินัยที่เข้มงวด หรือการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งก็ดีนะ แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป หนังสือ "Fluke: Chance" จะเน้นไปที่การยอมรับและใช้ประโยชน์จาก "ความไม่สมบูรณ์แบบ" และ "ความไม่แน่นอน" ของชีวิต ว่าจริงๆ แล้ว สิ่งเหล่านี้แหละ คือเครื่องมือชั้นดีที่จะพาเราไปสู่การเติบโตที่แท้จริง มันจะสอนให้คุณรู้จักยืดหยุ่น ปรับตัว และมองเห็นโอกาสในสิ่งที่ไม่คาดฝัน ซึ่งเป็นทักษะที่หนังสือพัฒนาตนเองแบบเดิมๆ อาจจะมองข้ามไป


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: ถ้ายังไม่อยากเชื่อ ก็ไปลองดูเองแล้วกัน

เว็บไซต์เกี่ยวกับจิตวิทยาและพัฒนาตนเอง

ลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ จิตวิทยา.com สิครับ ที่นี่มีบทความและข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับจิตวิทยามากมาย ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น รวมถึงแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการกับความท้าทายในชีวิตด้วยนะ


แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับ Growth Mindset

ถ้าอยากรู้เรื่อง Growth Mindset เพิ่มเติม ลองเข้าไปดูที่ Success101.com เว็บไซต์นี้มีบทความและเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง และการสร้างทัศนคติเชิงบวกที่ช่วยให้คุณก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ลองศึกษาดูนะ เผื่อจะได้แรงบันดาลใจอะไรกลับไปบ้าง




Preview Image
 

Fluke หนังสือที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อความบังเอิญ โชค และความหมายของชีวิต - YouTube

 

#สรุปหนังสือ #fluke #BrianKlaas #ทฤษฎีความโกลาหล #ความบังเอิญ #การพัฒนาตัวเอง #ปรัชญาเคยสงสัยไหมว่าทำไมชีวิตถึงเต็มไปด้วยเรื่องบังเอิญที่คาดไม่ถึง หนังสือ F...

https://www.youtube.com/watch?v=iW-vUIm39JY

5 แนวคิดเปลี่ยนโลกจาก "Fluke"
หนังสือเล่มนี้ตั้งคำถามที่กระตุ้นความคิดอย่างลึกซึ้ง: หากคุณสามารถย้อนชีวิตกลับไปเริ่มต้นใหม่ ทุกอย่างจะเหมือนเดิมหรือไม่? การตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น การกดปุ่มเลื่อนปลุกในตอนเช้า สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณ หรือแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ได้หรือไม่? Klaas ใช้ตัวอย่างที่น่าทึ่งจากหลากหลายสาขา ตั้งแต่ชีววิทยาวิวัฒนาการ, ปรัชญา, ประวัติศาสตร์, ไปจนถึงทฤษฎีความโกลาหล เพื่อแสดงให้เห็นว่าโลกของเราขับเคลื่อนด้วยปฏิสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดและเหตุการณ์ที่ดูเหมือนสุ่มขึ้นมาได้อย่างไร